NEWS

TEAMG  คว้างานใหม่ 9 โครงการ มูลค่าราว 472 ลบ. หนุน Backlog พุ่ง

ดร.อภิชาติ สระมูล ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถคว้างานประมูลโครงการต่าง ๆ จากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน จำนวน 9โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 472 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการคลี่คลายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับโครงการใหม่ที่สนับสนุนให้ TEAMG มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น จำนวน 9โครงการ ประกอบด้วย

1.สัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยบริษัท

2.สัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างพร้อมบริหารโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนอรุณอัมรินทร์ฯ บรมราชชนนี และ พรานนก ของการไฟฟ้านครหลวง โดยบริษัท และ บริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด (ATT;บริษัทย่อยของบริษัท)

3.สัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างพร้อมบริหารโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนต่อขยายตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และถนนติวานนท์ ของการไฟฟ้านครหลวง โดยบริษัท และ บริษัท ATT

4.สัญญาจ้างที่ปรึกษาโครงการจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือและให้คำปรึกษาในการบริหารจัดการหลังการจัดตั้ง/ร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของการประปานครหลวง โดยบริษัท

5.สัญญาจ้างออกแบบอาคารศูนย์บริการสุขภาพนานาชาติ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ของกรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ โดยบริษัท และ บริษัท ทีม เอสคิว จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท)

6.สัญญาจ้างจัดหาและติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน เขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ของกรมชลประทาน โดยบริษัท วิศวกรรมธรณีและฐานราก จำกัด (GFE; บริษัทย่อยของบริษัท)

7.สัญญาจ้างจัดหาและติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน เขื่อนห้วยตาจู จังหวัดศรีสะเกษ) ของกรมชลประทาน โดยบริษัท GFE

8.สัญญาจ้างจัดหาและติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน เขื่อนมูลบน จังหวัดนครราชสีมา ของกรมชลประทาน โดยบริษัท GFE และ

9.สัญญาจ้างจัดหาและติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน เขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ของกรมชลประทาน โดยบริษัท GFE

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเสนองานโครงการต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน หลังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ และเอกชน ประกอบกับการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ขยายบริการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง สร้างการเติบโตของบริษัทฯ

อีกทั้งบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี BIM และ Digital Twin ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย สู่อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมก่อสร้างที่สามารถลดการใช้ทรัพยากร และใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในงานก่อสร้างและการดำเนินงานออกแบบ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทำให้ลดต้นทุน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

“เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โครงการเมกะโปรเจกต์ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เริ่มทยอยประมูลโครงการต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเสนองานโครงการต่างๆ โดยใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมก่อสร้างที่สามารถลดการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐที่ต้องการลดปริมาณมลภาวะเป็นพิษต่อโลก จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีงานในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตตามเป้าหมายปี 2565 ที่วางไว้” ดร.อภิชาติกล่าว

ใส่ความเห็น