FUND

บลจ.ยูโอบี ให้น้ำหนักกับการลงทุนในตราสารหนี้ มองหุ้นเอเชียยังเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตได้

บลจ.ยูโอบี ให้น้ำหนักกับการลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน มองหุ้นเอเชียยังเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตได้ รวมถึงการลงทุนแบบยั่งยืน (Sustainable Investment) เน้นลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG : Environmental, Social และ Governance) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ.ยูโอบี”) ได้เปิดเผยว่า เศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ทั้งผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการกลับมาระบาดของโควิดในจีน แต่ด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตามยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามระมัดระวัง ดังนั้น บลจ.ยูโอบี ยังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกใหม่ๆ ให้กับนักลงทุน

การลงทุนในธุรกิจที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่กลุ่มยูโอบีในระดับภูมิภาค รวมถึง บลจ.ยูโอบี ได้ให้ความสำคัญ โดยนำเอาแนวทางระดับสากลของ PRI (Principles for Responsible Investment) เข้ามาประกอบการตัดสินใจในการบริหารกองทุน

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาขั้นตอนการลงทุนของกองทุนให้สอดคล้องกับเกณฑ์ของ ก.ล.ต. โดยกองทุนเปิด ยูไนเต็ด อิควิตี้ ซัสเทนเนเบิล โกลบอล ฟันด์ (UESG) เป็นกองทุนรวม ฟีดเดอร์กองทุนแรกในไทยที่ได้รับการประกาศให้เป็น “SRI Fund : กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน” ที่มีการกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางการลงทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกระบวนการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม มีธรรมาภิบาลที่ดีเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ บลจ.ยูโอบี ได้รับรางวัล Best ESG Manager จาก Asia Asset Management 2023 เป็นครั้งแรก และรางวัล SET Awards 2022 Asset Management Company Outstanding Awards ESG รางวัลดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำในการผลักดันนโยบาย ESG ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม

พัฒนากองทุน ETF เป็นทางเลือกนักลงทุน

อีกหนึ่งความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุน คือ การร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการพัฒนากองทุน ETF เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนไทยได้เข้าถึงกองทุน ETF ได้ง่ายขึ้น

โดยไม่จำเป็นต้องนำเงินไปซื้อกองทุนในต่างประเทศโดยตรง และสามารถลงทุนได้ทั้งผ่านตลาดหลักทรัพย์หรือผ่านตัวแทนจำหน่ายกองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ฮีโร่ อีทีเอฟ (UHERO) เป็น Thematic ETF กองแรกในไทย ที่มาพร้อมโอกาสการลงทุนในเกมและอีสปอร์ตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาได้เปิดตัวกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ (UBOT) โอกาสการลงทุนในธุรกิจในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยในปีนี้เรายังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนเพื่อสรรหาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่น่าสนใจให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ด้านการพัฒนาระบบซื้อขายกองทุนออนไลน์ ทาง บลจ.ยูโอบี ได้ริเริ่มพัฒนา Mobile application “UOBAM Invest Thailand” และบนเว็บไซต์ผ่านระบบ Premier Online ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น นอกจากการลงทุนในกองทุนรวมแล้ว ได้มีการขยายระบบออนไลน์เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าสำรองเลี้ยงชีพด้วย

และด้วยสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้นักลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลงทุนมาทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์กันมากขึ้น ทาง บลจ.ยูโอบี อยู่ระหว่างการพัฒนาบริการ Robo Advisory จัดพอร์ตการลงทุนของลูกค้าได้ตามเป้าหมาย พร้อมปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด (Rebalancing) โดยแบ่งปัน Know-how จาก UOBAM Invest ของประเทศสิงคโปร์ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับนักลงทุนไทย

มุมมองการลงทุนปี 2566

เศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ทั้งผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยคาดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกนั้น จะชะลอตัวลงจากร้อยละ 3.4 ในปี 2565 เหลือร้อยละ 2.9 ในปี 2566 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นเป็นร้อยละ 3.1 ในปี 2567

ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยมีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5 ซึ่งคาดว่าการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงเช่นเดียวกับในยุโรป

การลงทุนยังต้องติดตามปัจจัยกดดัน

ขณะที่ภูมิภาคเอเชียจะแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากขึ้น ด้วยอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนและสายการผลิต (Supply chain) เริ่มปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้น การจัดสรรการลงทุนยังคงเป็นไปด้วยความระมัดระวัง โดยปัจจัยที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ

1)เงินเฟ้อ ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ในขาลงและน่าจะผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แต่คาดว่าจะคงอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

2)การใช้นโยบายทางการเงินและการคลัง ที่ต้องดำเนินการประสานกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดหรือชะลอผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

3)ความเสี่ยงจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนและผลกระทบด้านพลังงานในยุโรป

บลจ.ยูโอบี ยังคงมีความเห็นว่า การสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นจะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ ควรเน้นการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับความผันผวนของตลาด

ขณะเดียวกันยังแนะนำให้แบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในหุ้นกลุ่มที่สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีนที่เริ่มเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจีน โดยการจัดสรรการลงทุนดังกล่าว เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงได้แม้ในช่วงเวลาที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง

กองทุนรวมที่แนะนำเพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนมีดังนี้

กองทุนเปิดไทย แคช แมเนจเม้นท์ ชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (TCMF) และ กองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ชนิดเพื่อผู้ลงทุนนิติบุคคล (TCMF-I) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีคุณภาพและมีสภาพคล่อง

เน้นลงทุนในเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรภาคเอกชนที่อยู่ในระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป กองทุนกลุ่มนี้มีสภาพคล่องสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับการบริหารสภาพคล่องในภาวะที่ตลาดผันผวน

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ (UGIS) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund (Class I) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้หลากหลายประเภททั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

กลุ่มกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ

แนะนำกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล ควอลิตี้ โกรท ฟันด์ (UGQG-M) ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก United Global Quality Growth Fund (Class USD Acc) ที่มุ่งลงทุนในหุ้นคุณภาพที่มีโอกาสเติบโตอย่างโดดเด่น

รวมถึงกองทุนรวมที่มีการลงทุนผ่านกองทุนหลักที่มีนโยบายเน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจ ESG เช่น กองทุนเปิด ยูไนเต็ด อิควิตี้ ซัสเทนเนเบิล โกลบอล ฟันด์ (UESG-M) และ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล อิควิตี้ โซลูชั่น ฟันด์ (USUS-M)

นอกจากนี้ กองทุนรวมที่มีการลงทุนในกองทุนซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงและการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ซึ่งสนับสนุนโดย ธีมพลังงานสะอาดผ่านการลงทุนในกองทุนเปิด ยูไนเต็ด แบตเตอรี่ แอนด์ อีวี เทคโนโลยี ฟันด์ (UEV-M) จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ส่วนการลงทุนในจีนนั้น แนะนำให้ลงทุนผ่าน กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ออล ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (UCHINA-M) และ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไชน่า เอ แชร์ อินโนเวชั่น ฟันด์ (UCI-M) โดยกองทุนหลักลงทุนในตลาดจีน ซึ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นหลังจากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการด้านโควิด-19 โดยสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้นในปีนี้

ยักษ์ลงทุน

ใส่ความเห็น