NEWS

JSP เผยกำลังซื้อสูงวัยโตแรง เปิด 4 ปัจจัยหนุนวัยเก๋าเปย์หนักเหตุไม่อยากป่วย

JSP เผยกำลังซื้อสูงวัยเติบโตแรงยอดใช้จ่ายอาหารเสริม2,000 บ.ต่อครั้ง
เปิด
4 ปัจจัยหนุนวัยเก๋าเปย์หนักเหตุยาแพงไม่อยากป่วยไม่เอาเคมีอยู่คนเดียวไม่อยากแก่

JSP เผยผู้สูงอายุไทยทุ่มจ่ายอาหารเสริมเฉลี่ย 2,000 บาทต่อครั้ง พบอัตราการซื้อซ้ำใน 1-2 เดือน ชี้สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบดันอาหารเสริมโต 30% พร้อมเปิด ปัจจัย หนุนยอดขายกลุ่มผู้สูงวัยเติบโตโดดเด่น 

1. เทรนด์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันหลังทิศทางราคายาพุ่งทุกปี 2.เทรนด์ไม่เอาสารเคมี 3.เทรนด์ครอบครัวคนเดียว และ 4. เทรนด์ไม่อยากแก่ หนุนยอดขายจาก Gen X เติบโต15% ในปี 2566 พร้อมคาดปี 2567 เติบโต 30%

นายพิษณุ แดงประเสริฐ  ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ JSP   เปิดเผย ปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยกว่า13.7 ล้านคน  คิดเป็น 20 % ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด

และในปี 2574 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คือ มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด  ส่งผลให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มผู้สูงอายุของ JSP  เติบโตอย่างต่อเนื่องพบมียอดสั่งซื้อราย 2,000 บาทต่อครั้ง

และมีอัตราการซื้อซ้ำทุก 1-2  เดือน สินค้าขายดี 5 รายการของสุภาพโอสถ ได้แก่ 1.น้ำมันงาดำรำข้าว  2.  4 mix oil 3. สไปมอร์   4. ฟิช ออยล์  5. น้ำมันงาขี้ม่อน ปัจจุบันรายได้จากกลุ่มสินค้าอาหารเสริมผู้สูงอายุคิดเป็น 25% ของรายได้รวมปี 2566 ที่ 579 ล้านบาท มีแนวโน้มเติบโต 30 %  ตั้งเป้ารายได้สินค้าในกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ภายในปี 2567

JSP ประเมินว่าปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของกำลังซื้อจากกลุ่มผู้สูงวัยมาจาก ปัจจัยหนุนได้แก่

1.เทรนด์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ตัวเลขตลาดรวมสุขภาพเชิงป้องกันที่คาดว่าจะแตะ 5.5 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 มูลค่าตลาดสุขภาพเชิงป้องกันในกลุ่มผู้สูงอายุ คิดเป็น 22% ของมูลค่าตลาดรวมสุขภาพเชิงป้องกันคาดว่าจะแตะ 1.2 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 เป็นผลมาจากจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นคนอายุยืนขึ้น

อีกทั้งทิศทางตลาดอุตสาหกรรมยาทั่วโลก มีแนวโน้มจะปรับราคายาขึ้นไปอย่างต่ำ 20% ภายในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตยาพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนเทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันก่อนป่วยให้ได้รับความสนใจมากขึ้น

2.เทรนด์ไม่บริโภคและใช้ผลิตภัณฑ์จากสารเคมี สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงอันตรายของสารเคมีที่มีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม มองหาทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนมากขึ้นความกังวลด้านสุขภาพ สารเคมีหลายชนิดเชื่อมโยงกับปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง

เช่น มะเร็ง โรคทางระบบประสาท และปัญหาการเจริญพันธุ์ ความต้องการทางเลือกที่เป็นธรรมชาติ คนจำนวนมากกำลังมองหาทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนมากขึ้น ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส่วนผสมจากธรรมชาติและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมตลาดสินค้าออร์แกนิกส์ในประเทศไทยมีมูลค่า 2,800 ล้านบาทในปี 2564 คาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 4,000 ล้านบาทภายในปี 2568

3.เทรนด์ครอบครัวอยู่คนเดียว ครอบครัวไทยยุคใหม่มีครอบครัวขยายมีจำนวนน้อยลง ขนาดครอบครัวเดี่ยว และครอบครัวคนเดียวเพิ่มมากขึ้น มีผู้สูงอายุอยู่คนเดียวมากขึ้น ใน ปี 2564 มีผู้สูงอายุไทยอายุ 60 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่คนเดียว 842,184 คน คิดเป็น 10.2% ของผู้สูงอายุทั้งหมด

และคาดการณ์ว่าจำนวนผู้สูงอายุไทยอยู่คนเดียวจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.8 ล้านคนภายในปี 2574 ส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อให้สามารถดูแลพึ่งพาตัวเองได้

4.เทรนด์ไม่อยากแก่  การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้น ต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและแข็งแรงแม้ในวัยสูงอายุ ผู้สูงอายุเริ่มเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และตระหนักถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและดูดีอยู่เสมอ

“ จาก4 ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ตลาดสุขภาพเชิงป้องกันในกลุ่มคนเจน X เติบโตตามตลาดผู้สูงอายุเนื่องจากคน X กลุ่มเตรียมเข้าสู่กลุ่มคนสูงวัยทำให้ยอดขายในกลุ่มดังกล่าวเติบโตเพิ่มขึ้น 15 % ในปี 2566 ที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโต 30 % ในปี 2567 ” นายพิษณุ กล่าว

ใส่ความเห็น