PROPERTY

ออริจิ้น กวาดยอดขายบ้าน-คอนโดไตรมาส 2/66

ออริจิ้น กวาดยอดขายบ้านคอนโดไตรมาส 2/66 ทำนิวไฮ 12,400 ล้าน หนุนครึ่งปีโกยยอดสะสมทะลุ 24,000 ล้าน เติบโต 38%  ฝั่งธนฯและต่างจังหวัดกระแสแรง ทำเล และ เลย์เอาท์โดดเด่นหนุนโกยยอด 

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ สร้างยอดขายนิวไฮ ไตรมาส 2/66 กว่า 12,461 ล้าน หนุนกวาดยอดขายบ้านคอนโดครึ่งปีแรกทะลุ 24,465 ล้าน เติบโตจากช่วงเดียวกัน 38% หลังเดินหน้าแผน Origin Infinity 

ขยายอาณาจักรเปิดตัวโครงการบ้านและคอนโดใหม่ทั่วประเทศ โซนฝั่งธนฯ อาทิ ศิริราชเพชรเกษม และต่างจังหวัดมาแรง ปิดการขาย (Sold Out) “ออริจิ้น เพลส เพชรเกษม” และ ออริจิ้น เพลส พหล 59 สเตชั่น 

พร้อมกวาด Take-up rate ฉลุยทั้ง โซ ออริจิ้น ศิริราช” “ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต” และ “ดิ ออริจิ้น แคมปัส ขอนแก่น” ทำเล ดีไซน์และเลย์เอาท์ห้องพักโดนใจ ตอบโจทย์ตลาดในพื้นที่ ครึ่งปีหลังโหมตลาดที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง เปิดตัวเพิ่มอีก 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,760 ล้าน คาดยอดขายทั้งปีทะลุ 45,000 ล้านตามเป้า 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทสร้างยอดขายได้กว่า 12,461 ล้านบาท

เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 29% แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมประมาณ 77% และยอดขายจากบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือราว 23% หากเทียบตามสถานะโครงการ

เป็นยอดขายจากกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ราว 43% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขาย (New Launch) และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) ประมาณ 57% ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566

บริษัทมียอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรและโครงการคอนโดมิเนียมสะสม ประมาณ 24,465 ล้านบาท เติบโตจากช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อนหน้า 38% และคิดเป็น 54% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี 

“แม้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ จะค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากภาครัฐยกเลิกมาตรการผ่อนปรนอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV ไปตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 แต่ภาพรวมยอดขายของเครือออริจิ้นยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเราเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน Origin Infinity

ขยายอาณาจักรโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมในเครือไปทั่วประเทศ ทำให้เราสามารถกระจายโอกาสสู่ทำเลศักยภาพใหม่ๆ และเจาะตลาดกำลังซื้อใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง” นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ การเดินหน้าเจาะตลาดทำเลใหม่ๆ ช่วยสร้างยอดขายกลับมาสู่บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ในโซนฝั่งธนบุรีและส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริษัทสามารถปิดการขาย (Sold out) โครงการออริจิ้น เพลส เพชรเกษม (Origin Place Phetkasem)

บริเวณ MRT ภาษีเจริญ และ โครงการออริจิ้น เพลส พหล 59 สเตชั่น (Orign Place Phahol 59 Station) ได้ภายในครึ่งปีแรก ขณะเดียวกัน โครงการโซ ออริจิ้น ศิริราช (So Origin Siriraj

และโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด อาทิ ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (The Origin Centre Phuket)และดิ ออริจิ้น แคมปัส ขอนแก่น (The Origin Campus Khonkaen) ก็ได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยม โดยมีอัตรายอดขายสะสม (Take-up rate) เฉลี่ยมากกว่า 70% นอกจากนี้ โครงการบริทาเนีย มะลิวัลย์ (Britania Maliwan) ในขอนแก่น ก็สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 90% ของจำนวนยูนิตที่สร้างเสร็จแล้ว

นายพีระพงศ์​ กล่าวอีกว่า กระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมในหลากหลายพื้นที่ เกิดจากความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคทุกเจเนอเรชั่น ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบที่ตอบสนองการใช้งานจริง

ทำให้สามารถพัฒนาโครงการที่มีเลย์เอาท์ห้องโดดเด่น มีฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น และแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในหลายทำเล เช่น การนำเสนอห้อง Duo Space เพดานสูง 4.2 เมตร และ Pet Condo

สำหรับภาพรวมครึ่งปีหลังของปีนี้ ภาคการท่องเที่ยว จะยังคงเป็นเซ็กเตอร์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาภายในเดือน ส.ค.นี้ ตามกำหนดการ น่าจะมีส่วนสำคัญช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังให้เดินหน้าต่อไปได้ เมื่อประกอบกับกระแสตอบรับในทำเลศักยภาพใหม่ๆ ทั่วประเทศ

บริษัทจึงจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,760 ล้านบาท กระจายตัวไปยังทำเลศักยภาพต่างๆ ทั่วประเทศ เริ่มจากฝั่งคอนโดมิเนียม ครอบคลุมตั้งแต่ใจกลางเมืองอย่างแกรนด์ แฮมป์ตัน ทองหล่อ (Grand Hampton Thonglor) โซโห แบงค็อก สุขุมวิท (Soho Bangkok Sukhumvit)

ไปจนถึงการบุกหัวเมืองสำคัญ อย่างโซ ออริจิ้น เขาใหญ่ (So Origin Khao Yai) โซ ออริจิ้น บางเทา ภูเก็ต (So Origin Bangtao Phuket) ออริจิ้น เพลส ภูเก็ต (Origin Place Phuket) และออริจิ้น เพลส หัวหิน (Origin Place Huahin)

ขณะที่ฝั่งบ้านจัดสรร จะเน้นการเปิดโครงการใหม่ในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ อาทิ ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ทวีวัฒนา เวสต์เกต และแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา  

จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายใหม่ในทำเลสำคัญ และส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทในปีนี้ทะลุ 45,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย 

ยักษ์ลงทุน

ใส่ความเห็น