FUND

‘พรินซิเพิล’ โชว์ผลตอบแทนกองทุน โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ 5 เดือนแรก 22.13% ชนะดัชนีอ้างอิง

บลจ. พรินซิเพิล โชว์ผลงานกองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ (PRINCIPAL GOPP) 5 เดือนแรก ให้ผลตอบแทน 22.13% สูงกว่าดัชนีอ้างอิงที่ 6.43% ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ผันผวน

•ชูนโยบายลงทุนในธุรกิจทั่วโลกและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีคุณภาพดี ศักยภาพการแข่งขันสูง สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกได้ดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง

•มุ่งเน้น ESG ด้วยกลยุทธ์ Bottom up และ High Conviction ตลาดคาดกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ ในปีนี้ยังเติบโตและคาดว่าจะขยายตัว 17.3% และ 14.6% ในปี 2567 – 2568

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า แม้บรรยากาศการลงทุนและสถานการณ์ตลาดหุ้นช่วง เดือนแรกของปีนี้มีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ปัญหาของภาคธนาคารในประเทศสหรัฐอเมริกา, อัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูง ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เป็นเซ็กเตอร์ที่มีผลงานโดดเด่น สะท้อนจากดัชนี NASDAQ ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นถึง 23.6% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – พฤษภาคม 2566)

ส่งผลให้กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ หรือ Principal Global Opportunity Fund (PRINCIPAL GOPP) ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมหลัก Morgan Stanley Global Opportunity ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการแข่งขันระดับโลก

และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโต และปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกได้ดี สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นถึง 22.13% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สูงกว่าดัชนีอ้างอิงที่ 6.43%

ปัจจัยหลักที่กองทุนเปิด PRINCIPAL GOPP สร้างผลงานได้ดี ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปีนี้เข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดจะอยู่ที่ 5.25% และจะคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย

หลังจากได้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ไตรมาส 1/2566 (อ้างอิงจากดัชนี NASDAQ100)

แสดงให้เห็นว่าหุ้นกลุ่มเทคฯ ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดในช่วงที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่ตลาดประเมินกำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (อ้างอิงดัชนี NASDAQ100) ยังคงเพิ่มขึ้นในปีนี้ และในปี 2567 – 2568 มีโอกาสเติบโต 17.3และ 14.6% ตามลำดับ

“บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีและเป็นตัวเลือกการลงทุนอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นเมกะเทรนด์ของโลก อัตราเติบโตของรายได้และกำไรที่ยังแข็งแกร่ง และนโยบายอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่กำลังเปลี่ยนทิศทางจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีความน่าสนใจลงทุน” นายจุมพลกล่าว

นายจุมพล กล่าวต่อว่า Morgan Stanley บริษัททางการเงินระดับโลก ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนหลักของ PRINCIPAL GOPP มีมุมมองการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาค เช่น การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของ PRINCIPAL GOPP มีอำนาจการต่อรองราคาสูง มีเงินสดสุทธิ (Net Cash) ในระดับที่ดี มีหนี้สินต่ำ จะสามารถเติบโตและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจต้องเผชิญกับความเสี่ยงดังกล่าวได้

อาทิ Hermes ซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์เนมที่สามารถปรับขึ้นราคากระเป๋าได้อย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากมีดีมานด์สูงต่อเนื่องและซัพพลายจำกัด, ServiceNow บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ได้รับประโยชน์จากรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการช่วยลูกค้าลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ฯลฯ

ทั้งนี้ กองทุนเปิด PRINCIPAL GOPP มุ่งหาโอกาสลงทุนในธุรกิจทั่วโลกที่มีคุณภาพดีและศักยภาพแข่งขันสูง ได้แก่ มีความสามารถปรับตัวตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจที่ดี

รวมถึงมีความแข็งแกร่งทางการเงินและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)  เช่น Uber Technologies ที่มีผู้ใช้บริการ 23 ล้านเที่ยวต่อวันใน 70 ประเทศ, Meta Platforms ที่มีผู้ใช้งานกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลก ฯลฯ

คาดว่าบริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนจะมีรายได้ปี 2565 – 2568 เติบโตเฉลี่ยปีละ 14% สูงกว่า เท่าเมื่อเทียบกับบริษัทในดัชนีอ้างอิง (MSCI All Country World Index) ที่คาดว่าในช่วงเวลาเดียวกันจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6% 

นอกจากนี้คาดว่า 94% ของบริษัทที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนจะมีกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) เป็นบวกในปี 2566 – 2567 โดยทีมบริหารกองทุนยังคงมุ่งเน้นวิธีคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom up โดยพิจารณาจากหุ้นรายตัว

และแบบ High Conviction เน้นบริษัทที่มีพื้นฐานดีและโอกาสเติบโตสูง ซึ่งพิจารณาจากมุมมองระยะยาว 5 – 10 ปี เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ มูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานและมีการลงทุนที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว

สำหรับผู้สนใจติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยาธนาคารไทยพาณิชย์ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารทิสโก้ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02-686-9500 

หรือ www.principal.th หรือดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่  https://www.principal.th/th/principal/GOPP-A นอกจากนี้สามารถเปิดบัญชีและทำรายการซื้อผ่าน Principal TH Mobile App สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store และ Google Play และ https://www.principal.th/th/principalTH.html

ยักษ์ลงทุน

ใส่ความเห็น