นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2566 เชื่อว่ายังคงเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ทั้งธุรกิจพลังงาน และธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งปีนี้ประเมินว่าธุรกิจเทรดดิ้ง ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจบริการติดตั้งระบบโทรคมนาคม ยังได้รับอานิสงส์จากการลงทุนในโครงข่ายต่างๆ ที่สนับสนุนให้เห็นมูลค่าการลงทุนเข้าสู่ระบบมากขึ้น จึงมั่นใจว่าจะทำให้ CSS มีโอกาสได้รับงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ ยังคงเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมีความมั่นคงในระยะยาว ส่วนงานบริการติดตั้งระบบโทรคมนาคม และธุรกิจเทรดดิ้ง บริษัทฯ พร้อมเข้าร่วมประมูลงานทุกโครงการ เพราะคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการผลักดันการเติบโตของธุรกิจและผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งภาพรวมของอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายในประเทศ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าและโครงการลงทุนในด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
“ปีนี้ธุรกิจเทรดดิ้ง ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่จะสร้างรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และน่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมของธุรกิจปีนี้ของ CSS น่าจะยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากบริษัทฯได้รุกขยายงานในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งได้ยื่นประมูลโครงการใหม่เพิ่มเติม สนับสนุนทำให้มีงานในมือเพิ่มขึ้น และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเชื่อว่าด้วยศักยภาพและประสบการณ์ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมมายาวนาน จะช่วยสนับสนุนให้มีโอกาสได้รับงานใหม่ๆมากขึ้นด้วย ”นายสมพงษ์กล่าว
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ) บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิอยู่ 115 ล้านบาท รายได้รวมเท่ากับ 4,657 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 16 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,009 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง ผลจากธุรกิจโทรคมนาคม-เทรดดิ้ง และพลังงานสดใส ทำให้มีมูลค่างานในมือ(Backlog) เพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนการเติบโต ขณะเดียวกันการที่ภาครัฐเร่งเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานออกมา และมีโอกาสเข้าร่วมประมูลงานใหญ่มากขึ้น ขณะที่งานภาคเอกชนยังคงมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจในศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล สำหรับงวดครึ่งหลังปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด เพิ่มอีกในอัตรา หุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 58.79 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท รวมจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ในอัตรา 0.09 บาทต่อหุ้น
บริษัทฯ ได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นี้ (ทั้งนี้การให้สิทธิได้รับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 วันที่ 26 เมษายน 2566