FUND

“โกลเบล็ก” คัด 6 หุ้นเด่นส่งออกโตรับบาทอ่อน

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนจากแรงกดดันตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,550-1,600 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. 65 เติบโตดี จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า พร้อมชู 6 หุ้นเด่น BRR-KSL-TFG-GFPT-ASIAN-JUBILE น่าลงทุน

นางสาววิลาสินี   บุญมาสูงทรง            ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS  ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน ได้รับแรงกดดันภายหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ(PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 4.9%YoY และ 0.6%MoM สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7%YoY จากระดับ 4.7%YoY และ 0.5%MoM หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค.

อีกทั้งแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของสัญญา CDS ระยะเวลา 5 ปีของเครดิตสวิสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่ผู้บริหารเร่งสร้างความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่

ขณะที่สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังมีโอกาสยืดเยื้อต่อภายหลังจากประธานาธิบดี    วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกาเพื่อรับรองความเป็นอิสระของแคว้นซาปอริซเซียและแคว้นเคอร์ซอน ซึ่งเป็นสองแคว้นทางตอนใต้ของยูเครนที่รัสเซียสามารถยึดครองได้เป็นบางส่วน

ส่วนยูเครนประกาศว่าสามารถยึดคืนพื้นที่ศูนย์ส่งกำลังบำรุงทางตะวันออกของเมืองลือมันได้โดยสมบูรณ์แล้ว ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดวันหยุดยาวส่งผลให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติอาจเบาบางลง จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,550-1,600 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตา อาทิ วันที่ 4 ต.ค. สภาผู้ส่งออกแถลงสถานการณ์การส่งออก วันที่ 5 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า วันที่ 7 ต.ค.ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) และวันที่ 26-29 ต.ค. ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีรัฐสภาภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 30 และปัจจัยต่างประเทศ

อาทิ วันที่ 5 ต.ค. กำหนดประชุมโอเปกพลัสเกี่ยวกับนโยบายการผลิต, อียู รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล,สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค.

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่ได้ประโยชน์จากการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีผลวันที่ 1 ต.ค. 2565 ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประกอบกับการเข้าสู่ฤดูกาลไฮซีซั่นในช่วงปลายปี และการออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

อาทิ ตั๋วเครื่องบินราคาถูก  โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA,  ASAP และ SPA รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. 65 เติบโตดี จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ได้แก่ น้ำตาลทราย ไก่สดแช่แข็ง อัญมณีและเครื่องประดับ โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ BRR, KSL, TFG, GFPT, ASIAN และ JUBILE

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าในเดือนตุลาคมนี้ยังคงเป็นโจทย์สำคัญสำหรับทองคำ เนื่องจากช่วงปลายเดือนที่ผ่านธนาคารกลางของอังกฤษได้กลับมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวน

สาเหตุมาจากต้องการสร้างเสถียรภาพตลาดพันธบัตรและตลาดการเงินภายในประเทศ ผลส่งให้ดัชนีดอลลาร์เริ่มอ่อนตัวลง เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความผันผวนให้กับราคาทองคำในระยะสั้น แต่ในช่วงต้นเดือนปัจจัยที่ตลาดจับตา คือ ภาคแรงงานของสหรัฐและอัตราเงินเฟ้อ หากยังสูงกว่าคาดการณ์อาจเป็นปัจจัยให้เฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป

ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำยังทรงตัวในระดับต่ำเพื่อสร้างฐาน มุมมองทองคำอาจ sideway ในกรอบ 1,600-1,700 $/oz การรีบาวด์ยังทำได้จำกัด ขณะที่ตลาดยังถูกกดดันต่อเนื่อง จึงแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้

ใส่ความเห็น