FUND

จิตตะเวลธ์ โชว์ผลตอบแทน Jitta Ranking ชนะตลาด

จิตตะ เวลธ์ โชว์ผลตอบแทน Jitta Ranking ชนะตลาดพิสูจน์ฝีมือ AI คัดหุ้นดีราคาถูก ช่วยนักลงทุนเข้าถึงหุ้นนอก ชูตลาดเวียดนามยังสดใส ผลตอบแทนเฉลี่ย 31.92% ต่อปี

จิตตะ เวลธ์ พิสูจน์ความสำเร็จ “Jitta Ranking” ใช้ AI บริหารกองทุนส่วนบุคคลสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้จริง ช่วยนักลงทุนเข้าถึง หุ้นคุณค่าทั่วโลก รับกระแสความต้องการลงทุนหุ้นนอก โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย ที่โตโดดเด่น

เผยผลตอบแทนหุ้นเวียดนามเฉลี่ยสูงถึง 31.92% ต่อปี จากการนำเทคโนโลยีมาบริหารกองทุนส่วนบุคคล เดินหน้าลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ และค่าธรรมเนียมลง เอื้อนักลงทุนเข้าถึง “หุ้นดีราคาถูก” ตาม แนวทาง Warren Buffett

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (บลจ.) สตาร์ตอัป สัญชาติไทยที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศ เปิด เผยว่า ท่ามกลางความผันผวนในตลาดโลกรวมถึงประเทศไทย จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความท้าทาย

อย่างไรก็ตาม บริษัทยัง เห็นความต้องการลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่านการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ที่บริษัทนำเทคโนโลยี AI มาคัดเลือกหุ้นดีราคาถูกให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบเน้นคุณค่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในหลายนโยบายการลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้น เอเชีย

เช่นเวียดนามที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ปรับประมาณการณ์เศษฐกิจเวียดนามขยายตัว 7% และสถาบันจัดอันดับ Moody’s ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือเวียดนามอีกด้วย ซึ่งผลตอบแทนของแผน การลงทุนใน Jitta Ranking ในช่วงที่ผ่านมาก็สามารถพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้นักลงทุน ทำกำไรสูงชนะดัชนีตลาดในระยะยาวได้จริง โดยแผน Jitta Ranking เวียดนาม ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 28.09% เทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม (VNINDEXTR) ที่ 19.02%

ไม่ใช่เพียงตลาดหุ้นเวียดนามเท่านั้น แต่นโยบายลงทุนของ Jitta Ranking ในประเทศอื่นก็สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้เช่นกัน โดย Jitta Ranking จีน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 17.28% ต่อปี เทียบกับดัชนี CSI300 ที่ 10.06% Jitta Ranking หุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 17.19% ต่อปี เทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) ที่ 8.29%

แม้กระทั่งแผนลงทุนที่บริษัทเพิ่งเปิดตัวไปอย่าง หุ้นบริการสุขภาพสหรัฐฯ หรือ Jitta Ranking US Healthcare ให้ผลตอบแทน 23.82% เทียบกับ S&P Health Care Index TR ที่ 16.57% และแผนล่าสุดอย่าง Jitta Ranking ญี่ปุ่นที่ให้ผลตอบแทนถึง 26.12% เทียบกับดัชนี Topix ที่ 13.01%

ทั้งนี้จิตตะ เวลธ์ ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ด้วยการนำ อัลกอริทึมของ AI มาวิเคราะห์จัดอันดับจากหุ้นในประเทศนั้นๆ ราว 5-30 ตัว เพื่อเฟ้นหา “หุ้นดีราคาถูก น่าลงทุน” มาจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับการลงทุน ระยะยาวตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่าของ Warren Buffett นักลงทุนระดับโลก โดยจะดูจาก 3 ปัจจัยหลัก

ได้แก่ คุณภาพของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาส เติบโตสร้างกำไรของธุรกิจ และจะมีการปรับพอร์ตอย่างเป็นระบบทุกๆ 3 เดือน เพื่อผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดในระยะยาว ซึ่งการใช้เทคโนโลยี AI มาบริหารกองทุน ส่วนบุคคลจะช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนหุ้นต่างประเทศที่มีคุณภาพได้ด้วยวงเงินลงทุนขั้นต่ำที่ไม่สูงมากและมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนส่วนบุคคลที่มีในตลาดได้ โดยที่นักลงทุนไม่ต้องใช้เวลาศึกษาหรือติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นในประเทศนั้นๆ ด้วยตัวเอง

ปัจจุบันกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking มีนโยบายลงทุนให้นักลงทุนได้เลือก ทั้งหมด 7 นโยบายด้วยกัน ประกอบด้วยหุ้นไทย หุ้นเวียดนาม หุ้นญี่ปุ่น หุ้นจีน หุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และหุ้นสุขภาพสหรัฐฯ

“โจทย์ของนักลงทุนในเวลานี้คือการมองหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศ แต่ไม่มี ความรู้และเวลามากพอที่จะไปศึกษาหุ้นในประเทศเหล่านั้น แต่ Jitta Wealth มีเทคโนโลยีและหลักการลงทุนที่จะมาช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนหุ้นต่างประเทศ ได้โดยที่ไม่ต้องทำความรู้จักหรือมีเวลาติดตามหุ้นเหล่านั้นเอง

เพราะเราเชื่อมั่นว่า หลักการลงทุนที่ดีจะช่วยบริหารจัดการความมั่งคั่ง ให้นักลงทุนรายย่อยจัดสรรเงิน ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างเหมาะสมกับตัวเอง และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ต่ำได้ เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี อย่างยั่งยืนและมีเวลาไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เต็มที่ ซึ่งผลตอบแทนที่ผ่านมา ก็สามารถพิสูจน์ว่าทำได้จริง”

ล่าสุดบริษัทได้ปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำของ Jitta Ranking ทุกนโยบายลงมาจาก 1,000,000 บาทมาเริ่มต้นที่ 500,000 บาท ตามพันธกิจที่บริษัทพยายามปรับลดวงเงินเพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงโอกาสการลงทุนหุ้นคุณค่าได้อย่างง่ายดาย

ทั้งหุ้นในประเทศและต่างประเทศ  ซึ่งวงเงินลงทุนที่เหมาะสมจะมีนัยยะต่อการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้จริง ขณะเดียวกันยังปรับลดเงินเพิ่มทุนจาก 100,000 บาทต่อครั้งเป็น 50,000 บาทต่อครั้ง พร้อมปรับค่าธรรมเนียมการโอนเงินจาก 1,000 บาทต่อครั้งเป็น 500 บาทต่อครั้ง ให้สอดคล้องกับวงเงินที่ลดลงไปอีกด้วย

“เราเดินหน้าปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำใน Jitta Ranking อย่างต่อเนื่อง จากช่วงเริ่มต้นการลงทุน นักลงทุนต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 3,000,000 บาท เราก็ได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาท และล่าสุด เราลดลงมาเหลือ 5 แสนบาท รองรับความต้องการลงทุนจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในหลักการลงทุนของ Jitta Ranking ที่ให้ความสำคัญกับการจัดพอร์ตหุ้นเน้นคุณค่า ไม่ใช่เพียง Jitta Ranking เท่านั้น

ก่อนหน้านี้บริษัทได้ปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำสำหรับแผนลงทุน Global ETF และ Thematic มาเหลือ 50,000 บาทแล้ว และแน่นอนว่าเราไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เราจะยังคงเดินหน้าปรับลดวงเงินเพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนแบบคุณค่าได้ง่ายขึ้นอีกอย่างแน่นอน”

นายตราวุทธิ์  กล่าวอีกว่า การปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำลง ไม่ได้ส่งผลกระทบกับ โอกาสในการสร้างผลตอบแทน โดยผลตอบแทนย้อนหลัง จากการจำลอง Back Test ที่ได้ปรับลดวงเงินเริ่มต้นมาอยู่ที่ 500,000 บาทแล้วนั้นจะพบว่าผลตอบแทนที่ ได้แทบไม่แตกต่างกัน และส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเช่น Jitta Ranking เวียดนามที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 31.92% หุ้นไทย 17.50% หุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ 16.15% หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ อยู่ที่ 23.86%

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth นโยบายการลงทุน Jitta Ranking ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สามารถดูข้อมูลได้ที่ https://jitta.co/3RDYxxY หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนได้ที่ LINE @JittaWealth

 

 

 

 

ใส่ความเห็น