FUND SPECIAL

โอกาสที่มากับการเปิดประเทศอีกครั้งของภูมิภาคอาเซียน

ตลาดอาเซียนส่วนใหญ่ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิดลงแล้ว ทั้งนี้ คุณเจิดพันธุ์ นิธยายน , คุณ Albert Budiman และคุณ Francis Eng ผู้บริหารสูงสุด สายการลงทุนของไทย , อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ตามลำดับ ได้ให้ความคิดเห็นถึงโอกาสในการลงทุนไว้ ดังนี้

การระบาดของโควิดได้กระทบเศรษฐกิจของประเทศคุณอย่างไร และคุณมองอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร

คุณเจิดพันธุ์: เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน วิกฤตการณ์โควิดมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปรับด้วยเงินเฟ้อนั้น อยู่ที่ติดลบร้อยละ 6.2 ในปี 2563 และ 1.6  ในปี 2564 การท่องเที่ยวของเรานั้นถูกกระทบหนัก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปี 2562 ที่ 40 ล้านคน เหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งล้านคนในปี 2563

ยังโชคดีที่ทางการไทยสามารถรับมือกับการระบาดได้ดี ทั้งในแง่ของนโยบายการเงินและสาธารณสุข มาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้กับประชาชนโดยตรงถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และได้ช่วยเหลือประชาชนมากถึง 780,000 คน ให้พ้นจากความยากจน

การฉีดวัคซีนก็เป็นไปด้วยดี โดยประชาชนถึงร้อยละ 74 ได้รับเข็ม 2 แล้ว แม้ว่าการฉีดเข็ม 3 จะยังต่ำกว่าเป้าของทางการที่ร้อยละ 60 ซึ่งกำลังเร่งการฉีดอยู่ ขณะเดียวกันทั้งจำนวนผู้ติดรายใหม่ ผู้ป่วยที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตก็ลดลงอย่างมาก ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าหลังจากที่ได้มีการผ่อนคลายมาตรการการท่องเที่ยวลงแล้ว เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว ที่ร้อยละ 3.2 ในปีนี้ และร้อยละ 4.4 ในปี 2566

“มาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้กับประชาชนโดยตรงถือเป็นจำนวนมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และได้ช่วยเหลือประชาชนมากถึง 780,000 คน ให้พ้นจากความยากจน”

คุณเจิดพันธุ์ นิธยายน กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด

คุณ Albert: ในปี 2563 เศรษฐกิจของอินโดนีเซียได้หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ความหวังที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแทบจะหายสิ้น เมื่อมีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าอย่างหนักในเดือนพฤษภาคม 2564 ทำให้ต้องมีมาตรการเข้มงวดแยกเป็นพื้นที่ และหมวดอุตสาหกรรมที่เรียกว่า PPKM

แม้จะเกิดวิกฤตนี้ขึ้น แต่เศรษฐกิจของอินโดนีเซียก็สามารถกลับมาฟื้นตัว โดยโตขึ้นร้อยละ 3.69 ในปี 2564 ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดว่าการเศรษฐกิจจะเติบโตต่อในปีนี้ ซึ่งจะอยู่ระหว่างร้อยละ 4.5 ถึง 5.3 จากการที่จำนวนคนติดเชื้อได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และทุกวันนี้อยู่ที่แค่ ร้อยละ 1 ของจำนวนคนติดรายวันสูงสุดเมื่อช่วงต้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนของอินโดนีเซียยังต่ำกว่าของภูมิภาคนี้อยู่ โดยมีประชากรที่ได้รับการฉีดเข็ม 2 เพียงร้อยละ 61 ของประชากร 270  ล้านคน ที่กระจายอยู่ตามเกาะต่างๆ เป็นที่น่าห่วงว่าแต่อัตรานี้ยังไม่ขยับขึ้นเลยและประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนก็มีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักหากมีการระบาดรอบใหม่ขึ้น

คุณ Francis: จากการระบาดของโควิด เศรษฐกิจของมาเลเซียได้หดตัวลงถึงร้อยละ 5.6  ในปี 2563 ซึ่งเป็นการหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจของเอเชียเมื่อปี 2541 แต่มาตรการของทางการมาเลเซีย เช่น นโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการคลังได้ช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 3.1 ในปี 2564 ซึ่งน่าดีใจเพราะช่วงปลายปี 2564 มาเลเซียต้องประสบกับอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ โดยได้สร้างความเสียหายมากถึง 6.4 พันล้านริงกิตหรือ 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนี้ มาเลเซียยังสามารถเร่งการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ได้ถึงร้อยละ 83 ของประชากร ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ และมีการเปิดด่านชายแดนแล้ว ธนาคารกลางมาเลเซียคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตที่ร้อยละ 5.3 ถึง 6.3

อะไรเป็นปัจจัยที่จะผลักดันการเติบโตในระยะสั้นและระยะกลาง

คุณเจิดพันธุ์: ในปี 2565 เราคาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยนำการเติบโต โดยขณะที่การคาดการณ์รายได้ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะลดลงอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่ได้มีการปรับการคาดการณ์รายได้ของภาคการท่องเที่ยวในประเทศและอุตสาหกรรมบริการขึ้น

เทรนนี้จะแข็งแกร่งขึ้นจากหลังจากที่มีการยกเลิกการบังคับตรวจ RT-PCR และการกักตัวของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว จำนวนเที่ยวบินต่างประเทศในสนามต่างๆ ของไทยได้ปรับขึ้นจากต่ำกว่า 4,000 เที่ยวในเดือนมิถุนายน 2563 มาเป็นประมาณ 10,000 เที่ยว เมื่อเดือนมีนาคม 2564

แต่ที่สำคัญคือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะสามารถเป็นตัวนำการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังโควิด โดยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2565 จะมากถึง 5.6 ล้านคน และมากถึง 19 ล้านคนภายในต้นปี 2566 แต่นี่ก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 40 ล้านคนต่อปี เมื่อก่อนการระบาดของโควิด แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าอาจจะไต่ได้ถึงระดับนี้ภายในปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567

จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น หมายถึงรายได้ที่มากขึ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงการค้าปลีก การบิน และภาคการบริการ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้คาดหวังว่าการกลับมาเปิดประเทศนี้จะมีผลดีเท่ากันหมดทุกหมวดธุรกิจ นักลงทุนคงต้องคอยติดตามความเร็วในการฟื้นตัวของแต่ละบริษัท เพราะบางบริษัทอาจได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเปิดประเทศ เช่น อัตราการเข้าพักของโรงแรม แต่อีกหลายบริษัทอาจได้รับประโยชน์ในทางอ้อม เช่น รายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการค้าขายที่ดีขึ้น

คุณ Albert: การเติบโตทางเศรษฐกิจหลังโควิดของอินโดนีเซียนั้น ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคภาคครัวเรือน ซึ่งมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของจีดีพีของประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหลายอุตสาหกรรมนอกเหนือจากการท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่น การธนาคารซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจ จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของสินเชื่อเนื่องจากกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น

ในทางเดียวกัน ผมเห็นว่าการเปิดประเทศจะมีผลดีต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะอสังหาฯ นั้นเป็นสิ่งที่คนรวยและคนชั้นกลางชอบที่จะลงทุน และสำหรับคนที่มีเงินออมพอหรือกำลังซื้อพอ พวกเขาก็น่าจะกลับมาลงทุนอีก

ผมยังเห็นว่าสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ด้วย เพราะผู้ผลิตจะกลับมาเร่งการผลิตเพื่อให้ทันกับยอดคำสั่งที่คงค้างและความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นอีก

“การเติบโตทางเศรษฐกิจหลังโควิดของอินโดนีเซียนั้นขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคภาคครัวเรือน ซึ่งมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของจีดีพีของประเทศ”

คุณ Albert Budiman กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ. ยูโอบี อินโดนีเซีย

คุณ Francis: ขณะที่มาตรการการเปิดประเทศจะช่วยการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซีย แต่รัฐบาลก็ยังได้ประกาศให้ประชาชนสามารถถอนเงินออมเพื่อการเกษียณออกมาใช้ก่อนได้เป็นครั้งที่สี่แล้ว ซึ่งจำกัดเพดานไว้ที่ 10,000  ริงกิตหรือ 2,276 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน มาตรการนี้มุ่งที่จะให้ผู้ที่สะสมเงินออมกับภาครัฐสามารถที่จะถอนเงินมาใช้เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่รายได้ลดลงจากโควิดไปได้ และตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป รัฐได้ประกาศปรับอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำใหม่มาอยู่ที่ 1,500  ริงกิต หรือ 341 เหรียญสหรัฐฯ

ในไตรมาสแรกของปี 2565 การเติบโตของเศรษฐกิจนั้นนำโดยหมวดย่อยการบริการและการผลิต ในทางตรงกันข้าม ภาคการเกษตรนั้นต้องชะงักลงเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกมามากได้กระทบต่อผลผลิตของปาล์มน้ำมัน ขณะที่ภาคเหมืองแร่ได้รับผลกระทบจากการปิดชั่วคราวของโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตก๊าซหลายแห่ง

คุณเห็นอุปสรรคอะไรบ้างในอนาคต

คุณเจิดพันธุ์: เช่นเดียวกับที่อื่นในโลก ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาเตือนว่าเงินเฟ้ออาจปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในครึ่งปีหลัง แม้ว่าราคาอาหารอาจชะลอลง แต่ผมเห็นว่าการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลและปุ๋ย จะเป็นความเสี่ยงหลักที่จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ

การอ่อนค่าของเงินบาทก็จะมีผลต่อราคาสินค้านำเข้า สำหรับประเทศไทยนั้นทั้งน้ำมันและก๊าซ ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นทุกๆ 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล คาดว่าจะมีผลทำให้เงินเฟ้อขึ้นร้อยละ 0.48 นี่ทำให้คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวจะอยู่ในระดับไม่สูงนัก แต่บริษัทด้านพลังงาน วัสดุ และปิโตรเคมีจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อไป

“เราไม่สามารถแยกการคาดการณ์ภาวะตลาดเงินของมาเลเซียออกจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้”

คุณ Francis Eng กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ. ยูโอบี มาเลเซีย

 

คุณ Albert: อินโดนีเซียก็มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเช่นกัน ทางเราจึงต้องติดตามผลกระทบของเงินเฟ้อจากเทศกาล Lebaran ซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญทางศาสนาของอินโดนีเซีย (การเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเทศกาลรอมฎอน) เทศกาลนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นวันหยุดยาวเท่านั้น (ซึ่งเป็นการฉลองครั้งแรกตั้งแต่มีการระบาดของโควิด) แต่เป็นข้อกำหนดของกฎหมายให้จ่ายโบนัสในเทศกาลนี้ด้วย

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่อุปสงค์จะสูงขึ้นในช่วงนี้ แต่การระบาดของโควิดอาจสูงขึ้นได้ด้วย โดยเฉพาะจากการที่อัตราการฉีดวัคซีนของประเทศยังต่ำอยู่ ธนาคารกลางของอินโดนีเซียได้ลดประมาณการจีดีพีลง เนื่องจากความเสี่ยงเรื่องภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ก็ตาม

คุณ Francis: เราไม่สามารถแยกการคาดการณ์ภาวะตลาดเงินของมาเลเซียออกจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้ ซึ่งรวมถึงภาวะเงินเฟ้อและมาตรการทางการเงินที่เข็มงวดขึ้นด้วย ดังนั้น แน่นอนว่าความผันผวนของตลาดโลกจะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินของมาเลเซียด้วย

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อคือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น มาเลเซียนั้นยังโชคดีกว่าเพื่อนบ้านตรงที่เป็นประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมัน และก๊าซ และแม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันที่ใช้ทำอาหารจะปรับขึ้นตามราคาตลาดโลก แต่ภาครัฐมีเงินอุดหนุนที่จะทำให้ราคาสินค้าจำเป็นคงที่

แต่ในระยะกลางแล้ว ทางการได้ออกมาบอกแล้วว่าจะมีการทบทวนเรื่องกลไกเงินอุดหนุนจากภาครัฐ หากมีการลดหรือยกเลิกเงินอุดหนุนก็จะกระทบต่อการบริโภคและทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และมีผลต่อนโยบายการเงินของมาเลเซียด้วย อย่างไรก็ตาม การที่คาดกันว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในกลางปี 2566 ดังนั้น ผมจึงคิดว่ารัฐบาลไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเงินอุดอย่างมีนัย อย่างน้อยก็ในระยะสั้นนี้

แปลจาก บทความ Investment Perspective | Reopening opportunities in ASEAN

ที่มา : www.uobam.com.sg

 

ใส่ความเห็น