LiVEx
SPECIAL

ก.ล.ต. ทำอะไร ในการกำกับดูแล “บริษัทจดทะเบียน”

ก.ล.ต. ทำอะไร ในการกำกับดูแล “บริษัทจดทะเบียน” ทุกครั้งที่มีประเด็นเกี่ยวกับ “คุณสมบัติ” ของบริษัทจดทะเบียน และ “ธรรมาภิบาล” ของผู้บริหารและกรรมการบริษัท สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน จะถูกตั้งคำถามเสมอว่า ก.ล.ต. ทำอะไร ในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน

ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) กำหนดให้ ก.ล.ต. มีหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อประชาชนทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้ ดังนั้น

การดำเนินงานของ ก.ล.ต. จึงมุ่งเน้นสร้างความสมดุลระหว่าง 2 ด้านสำคัญ คือ (1) การคุ้มครองผู้ลงทุนให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน และ (2) การกำกับดูแลการระดมทุนของกิจการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีช่องทางที่สะดวกและหลากหลายด้วยต้นทุนที่เหมาะสมแข่งขันได้ 

ร่วมกันคัดกรองคุณภาพ บทบาทของ ก.ล.ต. ในการกำกับดูแลบริษัทที่ต้องการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชน เริ่มต้นที่การอนุญาตให้ระดมทุนใน “ตลาดแรก” โดย ก.ล.ต. จะทำหน้าที่พิจารณาคุณสมบัติเชิงคุณภาพของบริษัทว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ เช่น

ü โครงสร้างการถือหุ้นต้องมีความชัดเจน ü กรรมการและผู้บริหารมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ไม่มีลักษณะต้องห้าม ü มีกรรมการอิสระทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย ü กลไกการบริหารจัดการและระบบควบคุมภายในมีประสิทธิภาพ

ü งบการเงินจัดทำขึ้นตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินซึ่งผ่านการตรวจสอบหรือสอบทานโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.

ก.ล.ต. ยังกำหนดให้บริษัทมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (แบบ filing) ให้ครบถ้วน เช่น การบริหารจัดการความเสี่ยง การวิเคราะห์งบการเงิน และการกำหนดราคาเสนอขาย

เพื่อให้ผู้สนใจลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับใช้ประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนนอกจากนี้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อประชาชน ก.ล.ต. จึงกำหนดให้มีผู้เกี่ยวข้องมาร่วมคัดกรองคุณภาพของบริษัทอีกหลายส่วน ซึ่งต้องเป็นผู้ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. เช่น

ü ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่บริษัท เช่น การจัดโครงสร้างธุรกิจหรือการบริหารจัดการให้มีความชัดเจนและโปร่งใส จัดเตรียมเอกสารการเปิดเผยข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในหนังสือชี้ชวน

ü ผู้สอบบัญชี ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชี  การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ตลาดรอง) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติของบริษัทในเชิงคุณภาพ

โครงสร้างบริษัทและผู้ถือหุ้น โครงสร้างคณะกรรมการ ระบบบัญชี ระบบควบคุมภายใน และพิจารณาคุณสมบัติเชิงปริมาณ เช่น โครงสร้างทุน ผลประกอบการและฐานะการเงิน สภาพคล่อง การเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) และการกระจายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อย

เน้นการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากปัจจัยภายในบริษัท ภาวะตลาดทุน เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อบริษัททั้งในเชิงบวกและลบ

ดังนั้น เมื่อเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องดำรงไว้ซึ่งคุณสมบัติให้มีมาตรฐานเทียบเท่าหรือไม่น้อยกว่าตอนแรกเข้า และต้องมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลการทำธุรกิจซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย

ก.ล.ต. จึงกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนโดยใช้หลักการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

บริษัทจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องเปิดเผยและนำส่งข้อมูลงบการเงินและรายงานต่าง ๆ ภายในระยะเวลาที่ประกาศกำหนด เช่น รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ รายการที่เกี่ยวโยงกัน และการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ

สำหรับการทำรายการที่มีมูลค่าสูงหรือขนาดมีนัยสำคัญ นอกจากเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอแล้ว ก.ล.ต. ยังกำหนดให้บริษัทต้องขออนุมัติการทำรายการจากผู้ถือหุ้น และมีที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ให้ความเห็นต่อการทำรายการนั้นด้วย

กรณีเปิดเผยข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน หรือมีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำกับดูแลให้บริษัทชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ

หรือ ก.ล.ต. อาจสั่งการให้บริษัททำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) รวมทั้งออกข่าวเตือนผู้ถือหุ้นเพื่อให้ไปใช้สิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น

ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ลงทุนติดตามข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิดและเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทจะสามารถรักษาคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้ หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่กระทบต่อตัวบริษัทและการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือไม่

ธรรมาภิบาลของกรรมการและผู้บริหารบริษัท ก.ล.ต. ให้ความสำคัญและส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนมีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ในทุกกระบวนการอย่างจริงจัง รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายและตามหลักแห่งความรับผิดชอบ ระมัดระวังและซื่อสัตย์สุจริต (fiduciary duty)

หากตรวจพบการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย หรือทำให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ อันเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ* ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกระบวนการบังคับใช้กฎหมายต่อไป

ยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน เมื่อปลายปี 2565 ก.ล.ต. ได้ริเริ่มโครงการบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เข้มแข็ง เพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีและความยั่งยืนให้แก่บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์

 และเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบแนวทางการยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ภายใต้ “โครงการบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เข้มแข็ง” ที่เน้นมาตรการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นและยกระดับกฎเกณฑ์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการทำหน้าที่ของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งองคาพยพ** ได้แก่

(1) การคัดกรองคุณภาพและกำกับดูแลบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทที่ระดมทุนจากผู้ลงทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี

เช่น ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ทบทวนหลักเกณฑ์การรับบริษัทเข้าจดทะเบียน และมีแผนที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนโดยอ้อม (backdoor listing) ให้เข้มข้นเทียบเท่ากับการรับบริษัทเข้าจดทะเบียน

(2) การยกระดับการทำหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งบุคลากรของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ เช่น กรรมการ กรรมการตรวจสอบ กรรมการอิสระและผู้บริหาร และผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาทางการเงิน

เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละกลุ่มสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทั่วไปได้อย่างแท้จริง

(3) การคุ้มครองดูแลผู้ลงทุน โดย ก.ล.ต. เดินหน้าส่งเสริมความรู้ให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ลงทุนตระหนักถึงสิทธิ หน้าที่ และสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้

ทั้งนี้ หากประชาชนและผู้ลงทุนพบเห็นการกระทำความผิดในบริษัทจดทะเบียน สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207 หรืออีเมล complaint@sec.or.th เพื่อการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญในการทำหน้าที่ของตนเองเพื่อป้องกัน ป้องปราม และยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบริษัทจดทะเบียนที่อาจสร้างความเสียหายและกระทบความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย

รวมทั้งดำเนินการตามกระบวนการบังคับใช้กฎหมายเมื่อพบการกระทำผิดตามกฎหมายภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป โดยกฎหมายภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. ไมได้ให้อำนาจ ก.ล.ต.

ในการดำเนินการเพื่อเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหาย อย่างไรก็ดี ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายผ่านการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class action) ได้ ซึ่งหนึ่งในนโยบายด้านการคุ้มครองดูแลผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. คือ การสนับสนุนสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยในการให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนไม่ว่าจะเป็นในด้านความเสี่ยงจากการลงทุนตลอดจนการดำเนินคดีแบบกลุ่ม

ยักษ์ลงทุน

ใส่ความเห็น